เวลาทำการ

จันทร์ - ศุกร์

09.00 - 18.00 น.

เราช่วยคุณได้

@bizservice

Travel License : 11/01220

หน้าแรก

/

ข้อมูลท่องเที่ยว

/

เที่ยวสิงคโปร์

การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางเรือสำราญ Spectrum of The Seas ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ย. 65

การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางเรือสำราญ Spectrum of The Seas ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ย. 65

120

การเดินทางท่องเที่ยวในเส้นทางเรือสำราญ Spectrum of The Seas ระหว่างวันที่ 19-22 ก.ย. 65 ก่อนจะเล่ารายละเอียดต่างๆให้ฟัง เรามาทำความรู้จักกับเรือ Spectrum of The Seas กันก่อนนะครับ เรื่อลำนี้เป็นเรือของบริษัท Royal Caribbean เป็นเรือสำราญระดับ Quantum Class ซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5,622 ท่าน รวมลูกเรือ มีจำนวนห้องพักทั้งสิน 2,137 ห้อง มีความสูง 16 ชั้น ซึ่งถือเป็นเรือลำใหญ่ที่สุดที่ล่องอยู่ในเอเชีย ณ ปัจจุบันครับ วันแรกเดินทางจากกรุงเทพไปสิงคโปร์ด้วยสายการบินไทยวียดเจต เที่ยวบินที่ VZ628 ซึ่งออกเดินทางเวลา... เมือเดินทางมาถึงสิงคโปร์ผ่านการตรวจสัมภาระและตม. เราตัดสินใจเดินทางไปท่านเรือ Marina South Pier ด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งจะต้องเปลี่ยนรถไฟทั้งหมดสามขบวนดังนี้ เริ่มต้นทางที่สนามบินชางกี นั่งรถไปลงสถานนี Tanah Merah แล้วต่อรถไฟสายสีเขียวไปที่สถานี City Hall ลงจากรถไฟไปต่อสายสีแดงเพื่อไปยังสถานี Marina South Pier ใช้เวลาในการเดินทางประมาณเกือบ 1 ชม. แต่ราคาประหยัดมากและยังใช้บัตรเครดิตในการเดินทางแทนที่จะต้องไปซื้อบัตรเติมเงินได้อีกด้วย เมื่อขึ้นมาจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง Marina South Pier จะมีป้ายบอกทางไปยัง Marina Bay Cruise Center ใช้เวลาเดินแค่แปบเดียวก็ถึงแล้วครับ เมื่อเดินมาถึงตรงบริเวณที่จอดรถบัสจะมีที่ให้นำกระเป๋ามาฝากไว้เพื่อนำขึ้นเรือโดยที่เราจะต้องแจ้งเลขห้องเราให้เจ้าหน้าที่ทราบครับ แนะนำว่าให้นำของต้องห้ามออกจากกระเป๋าก่อนนะครับ ถ้าไม่เอาออกกระเป๋าจะไม่มาถึงห้องแต่เราจะต้องไปเปิดกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่บนเรือตรวจก่อน แต่ถ้าท่านใดทำถูกต้องกระเป๋าของท่านจะมาหาที่หน้าห้องครับขั้นตอนในการขึ้นเรือ Spectrum of The Seas ที่ท่าเรือ Marina Bay Cruise Center นั้นไม่ยาก 1. ฝากกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นเรือ จะมีบริการอยู่ 2 ที่    1.1 บริเวณลานจอดรถบัส    1.2 ตรงหน้าประตูทางเข้าอาคารชั้น 22. ตรวจสอบว่าเรามี SetSail Pass ซึ่งจะต้องทำการเช็คอินออนไลน์มาจากเว็บ ในกรณีที่ไม่ได้ทำมาจะต้องให้ทางเจ้าหน้าทำให้ก่อนซึ่งจะต้องใช้เวลามากขึ้นเยอะ3. ตรวจสัมภาระที่ติดตัวขึ้นเครื่องทั้งหมด สิ่งของต้องห้ามจะถูกเก็บไว้ที่เจ้าหน้าที่ โดยที่เจ้าหน้าที่จะทำใบรับของไว้ให้ เมื่อเที่ยวเรือเสร็จก็เอาใบที่เจ้าหน้าที่ให้ไว้มาแลกรับของคืนครับ4. พบเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ว่าตรงกันไหมและคอนเฟิร์มให้กับเรา ในกรณีที่ไม่ได้ปริ้น SetSail Pass มา เจ้าหน้าที่จะปริ้นให้ที่ตรงนี้เพื่อใช้ในการขึ้นเรือ5. ไปนั่งรอการเรียกขึ้นเรือในที่นั่งที่ทางเรือจัดเตรียมไว้ให้ สักพักหนึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะประกาศเรียกให้ไปที่ตม6. เมื่อขึ้นเรือแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราไปยังจุดนัดหมายเพื่อฟังข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยระหว่างทางที่เดินไปขึ้นเรือจะมีจุดเรียกเก็บ  Passport ของผู้เดินทางครับ และเมื่อถึงเรือก็แจ้งเลขห้องให้เจ้าหน้าที่และตรวจแสกนสัมภาระอีกรอบ ก่อนจะไปฟังเกี่ยวกับเรื่องการใช้อุปกรณ์ในกรณีฉุกเฉินครับอยู่บนเรือสำราญแล้ว ก็ต้องทานเที่ยงเลยสิครับ มื้อแรกบนเรือเราก็เลือกเข้าห้อง Windjammer ซึ่งเป็นห้องอาหารบุฟเฟ่นานาชาติบนเรือ มีทั้งอาหารจีนและอาหารอินเดีย มีอาหารเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเลยละ ห้องนี้จะมีบริการทั้งหมด 3 ช่วงเวลา คือ อาหารเช้า / อาหารเที่ยง / อาหารเย็น ซึ่งอาหารที่บริการนั้นจะคล้ายๆกัน แต่มีให้เลือกรับประทานเยอะจริงๆ เป็นรูปแบบที่บริการด้วยตัวเอง และห้องอาหารฟรีอีกห้องที่ตั้งอยู่ติดกับห้อง WindJammer ก็คือห้องอาหารที่บริการพิซซ่า ชื่อว่า Sorrento’s ซึ่งจะมีบริการพิซซ่า 3 หน้าหลัก ได้แก่ พิซซ่าหน้าเปปเปอร์โลนี่, พิซซ่าหน้าวิจีสเทอเรียน และพิซซ่าหน้าชีสครับ อร่อยทุกหน้าเลย ร้านพิซซ่านี้เป็นห้องอาหารที่ไว้ฝากท้องยามดึกครับ เพราะบริการถึงตีสองเลยเมื่อถึงเวลาบ่ายโมงครึ่งผมจึงลงไปที่ Deck6 เพื่อไปยังห้องพักของเรา ซึ่งเราจะทราบเลขห้องพักตั้งแต่ตอนที่เช็คอินออนไลน์แล้วครับ ในรูปนี้ผมพักอยู่ห้อง 6628 ครับ Sea Pass จะอยู่ในซองหน้าห้อง ห้องของเราเป็นห้องพักแบบมีระเบียงบังวิวนะครับ หรือ Obstructed Ocean View Balcony เป็นห้องที่ราคาถูกที่สุดที่มีระเบียง วิวที่ถูกบังโดยส่วนใหญ่นั้นจะอยู่ที่บริเวณครึ่งล่างซึ่งเป็นเรือชูชีพของเรือสำราญครับ ตอนเวลาที่เราจองห้องของเรือ Royal Caribbean นั้น จะมีให้เลือกระหว่างให้ทางเรือเลือกห้องให้ และเราเลือกห้องด้วยตัวเอง ซึ่งในกรณีที่เราเลือกห้องด้วยตัวเอง ราคาห้องก็จะเพิ่มขึ้นด้วย ยิ่งชั้นสูงก็ยิ่งแพง และในทางกลับกันห้องแบบที่ทางเรือเลือกให้จะราคาถูกกว่า แต่ก็มีโอกาสสูงที่จะได้ห้องแบบถูกบังวิว หรืออาจจะได้ห้องดีๆ ต้องลุ้นกันดู ทั้งนี้ก็อยู่ที่เราตัดสินใจและงบประมาณที่เรามีนะครับหลังจากเข้าห้องพักเราก็ทำการเข้าแอฟของเรือเพื่อทำการจองรอบการทานอาหาร ของผมเป็นแบบ My Time ซึ่งจะสามารถทานอาหารในห้อง Main Dinning รอบแรกหรือรอบสองก็ได้ครับ แต่ควรจะจองรอบไว้ก่อนนะครับ เพราะไม่อย่างงั้นจะรอคิวนาน ทำการจองโชว์หรือห้องอาหารพิเศษ หรือกิจกรรมบางอย่างก็ต้องจองผ่านแอฟครับ ในแอฟสามารถเช็คตารางกิจกรรมได้ว่าตอนนี้มีกิจกรรมอะไรอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งสะดวกมากครับ ซักพักใหญ่ๆก็จะมีพนักงานบนเรือที่คอยดูแลห้องเรามาเคาะประตูเพื่อแนะนำตัวและสอบถามเราว่าต้องการให้เขาเข้ามาดูแลห้องไหม ถ้าเราไม่อยากให้เขาเข้ามาก็แจ้งเขาได้ครับ ส่วนผมให้เขาเข้ามาจัดการห้องให้ ซึ่งต่างกันยังไง ถ้าเราไม่ให้เขาเข้ามา เขาจะเข้าห้องเราเฉพาะตอนที่เราอนุญาตเท่านั้น และเอกสารและข่าวสารต่างๆ เขาจะเสียบไว้ที่หน้าห้อง แต่ถ้าเราให้เขาจัดการให้ เขาจะเข้ามาจัดที่นอนให้ตอนช่วงค่ำและวางเอกสารและข่าวสารต่างๆไว้ให้ในห้อง มีพับผ้าน่ารักๆไว้บนเตียงด้วย ผมพักผ่อนอยู่ในห้องพักใหญ่เลยเพราะเมื่อคืนไม่ได้นอนเลยครับ ผมเลือกดูการแสดงในรอบแรกก่อน โชว์ในคืนแรก ของห้อง Royal Theater คือ Showgirl! Past . Present . Future ซึ่งเป็นโชว์ร้องเพลง+การแสดงกายกรรม ซึ่งสนุกมาก โชว์ในห้อง Royal Theater นี้จะมีวันละ 2 รอบ และไม่จำเป็นต้องจองล่วงหน้า หากท่านใดต้องการได้ที่นั่งดีๆ ให้รีบไปเร็วหน่อยนะครับ ส่วนท่านที่นอนห้องสวีทจะสามารถสำรองที่นั่งและเลือกที่นั่งไว้ได้ซึ่งเป็นสิทธิ์พิเศษครับสำหรับผู้ที่เข้าพักห้องระดับสวีทครับ การเลือกเวลาดูโชว์นั้นจะสัมพันธ์กับเวลาที่เราเลือกรับประทานอาหารครับ จึงควรวางแผนไว้ให้ดีจะได้ไม่พลาดกิจกรรมบนเรือที่มีอยู่มากกมายครับหลังจากที่ดูโชว์ในห้อง Royal Theater เสร็จแล้ว เราจึงไป Deck3 เป็นที่ตั้งของห้องอาหาร Main Dining ซึ่งเป็นห้องอาหารหลักสำหรับมื้อเย็นของทุกคืนครับ ใน Sea Pass จะมีห้องอาหารระบุอยู่ว่ามื้อเย็นเราต้องรับประทานที่ห้องไหน เมนูที่พนักงานนำมาให้สั่งอาหารจะมีทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย อยากจะบอกว่าหอยทากอร่อยมาก เมื่อรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ก็ใกล้ถึงเวลาของการแสดงที่ห้อง Two70 โชว์ที่ถือเป็นไฮไลท์อีกโชว์หนึ่งก็ว่าได้นั้นคือโชว์ Silkroad ครับ โชว์จะมีอยู่วันละ 2 รอบเช่นเดียวกัน เส้นทางที่ผมไป เรือล่องทั้งหมด 4 วัน 3 คืน โชว์ Silkroad จะมีการจัดแสดงในคืนแรก 2 รอบ และคืนสุดท้าย 2 รอบ ซึ่งการจะเข้าไปดูโชว์นี้ได้ต้องทำการจองไว้ก่อน ซึ่งโชว์ทุกรอบนั้นถูกจองเต็มก่อนที่เรือจะออกจากท่าครับ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะ หากเราทำการจองไม่ทัน เรายังสามารถไปเข้าคิวเพื่อที่จะเข้าไปดูโชว์ได้ แต่จะเข้าได้หลังจากโชว์เริ่มแล้ว 5 นาที และคิวที่รอยาวมาก ผมก็เป็นคนหนึ่งนะที่จองโชว์นี้ไม่ทัน จึงไปต่อคิวรอเพื่อจะเข้าชม เมื่อได้ชมจบแล้ว ไม่ผิดหวังเลยครับ การแสดงดีมาก เพลงไพเราะมากฟังเพลินเลยครับ จึงเป็นโชว์ที่ควรจองให้ทันจะได้ไม่ต้องไปต่อคิวและได้ที่นั่งดีๆกันนะครับ ก่อนนอนก็ไปฝากท้องที่ห้องพิซซ่าวันที่สอง เข้ามาเราไปรับประทานอาหารเช้าที่ห้อง Two70 ซึ่งเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ จะมีโจ๊ก โยเกิร์ต ผลไม้ ขนมปัง เบอร์เกอร์แซลม่อนรมควัน จะมีเจ้าหน้าที่ของทางเรือหยิบของจากในตู้ให้ แซลม่อนรมควันอร่อยมากเลยส่วนมือเช้าที่ห้อง Windjammer จะเป็นแบบบุฟเฟ่เหมือนกับตอนที่รับประทานไปวันก่อนครับ ส่วนห้อง Main Dinning จะให้บริการอาหารเช้าแบบ A la carte มีเมนูมาให้เราเลือกว่าจะรับอาหารเช้าแบบไหน สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ชุด หรือถ้าไม่อิ่มก็สั่งเพิ่มได้หลังจากมื้อเช้าที่แสนอร่อย บนเรือก็จะมีกิจกรรมให้ได้ไปทำมากกมาย และเย็นวันนี้เรือสำราญจะเข้าเทียบท่าที่เกาะปีนังประมาณสี่โมงเย็น ซึ่งเราจะได้สัมผัสบรรยากาศปีนังช่วงพระอาทิตย์ตกและNight life ในช่วงที่เรือเทียบท่าอยู่นั้น Casino และ Dutyfree จะปิดการบริการครับ แต่กิจกรรมหลายๆอย่างก็ยังมีให้บริการอาหารมื้อเที่ยงในวันที่สอง ผมเลือกไปกินที่ห้องอาหารหลัก Main Dining เมนูมื้อเที่ยง จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ บางทีก็จะมีซ้ำบางแต่ก็แค่บางเมนูการท่องเที่ยวในเกาะปีนังนั้นสามารถซื้อทัวร์กับทางเรือได้ หรือจะออกไปเที่ยวด้วยตัวเองก็ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบเลยนะครับในระหว่างที่เรือเทียบท่าอยู่นั้น ร้านอาหารต่างๆบนเรือก็ยังคงให้บริการกันตามปกติหลังจากเที่ยวเมืองปีนังเสร็จ ผมก็ไปรับประทานอาหารที่ห้อง Main Dining เหมือนเดิม เพราะชอบการบริการ และอาหารของห้องนี้ที่สุดแล้วครับการแสดงในห้อง Royal Theatre วันนี้จะเป็นการแสดงมายากลครับ สนุกมาก คนเข้ามาดูการแสดงกันเต็มห้องเลย ขนาดมาเร็วยังเกือบหาที่นั่งไม่ได้เลยหลังจากดูโชว์เสร็จ ก็ได้เวลาเข้านอนครับ วันนี้ไม่ได้กินมื้อดึกเพราะว่ากินอาหารเย็นไปหลายเมนูมาก เรื่องอาหารต้องยกให้เรือลำนี้จริงๆครับลืมบอกไป หากต้องการน้ำแข็ง สามารถแจ้งพนักงานที่ดูแลห้องเราให้เอาน้ำแข็งมาให้ที่ห้องได้ครับ น้ำแข็งฟรีครับ บนเตียงของเราคืนนี้จะมีเอกสารวางไว้หนึ่งแผ่นแจ้งเรื่องการรับพาสปอร์ตคืนในวันถัดไปครับ เราจะได้วางแผนไปรับ Passport คืน จะได้เล่นกิจกรรมได้คุ้มที่สุด เพราะพรุ้งนี้เรือจะล่องทะเลทั้งวันเลยครับวันที่สาม วันนี้เรือลำนี้จะล่องอยู่บริเวณน่านน้ำสากลทั้งวัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมบนเรือได้อย่างเต็มที่ กิจกรรมทุกอย่างเปิดให้บริการ ซึ่งใครชอบอะไรก็วางแผนดูเวลากิจกรรมและวางแผนให้ดีๆนะครับ จะได้เล่นกิจกรรมได้เยอะๆเช้านี้ที่ห้องอาหาร Windjammer ในขณะที่กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่นั้น พนักงานก็มีการแสดงเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นการขอบคุณแขกทุกๆท่านที่เข้ามาใช้บริการ ประทับใจมากต่อมื้อเช้าอีกห้องได้ด้วยนะ มื้อเช้าที่ห้อง Main Diningหลังจากมื้อเช้าที่แสนอร่อย ก็เดินเที่ยวชมเรือกัน เรือลำนี้มีร้านช้อปปิ้งเยอะมากเลยวันนี้ผมจองกิจกรรม skypad ไว้ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สามารถเล่นได้ฟรี พอถึงเวลาเราก็ไปยังจุดที่เล่นกิจกรรมและแสดงคิวที่เราจองไว้ใน app อยากจะบอกว่าตอนแรกเห็นคนเล่นกันก็ไม่คิดว่าจะเหนื่อยนะ พอได้ลองเล่นจริงๆ เหนือยมากแต่สนุกสุดๆเลยมื้อเที่ยงที่ห้อง Main Diningพอช่วงบ่ายเดินผ่านห้องดนตรีสดแล้วกำลังมีกิจกรรมสอนพับผ้าเช็ดตัว ก็เลยไปเข้าร่วมสนุกด้วย ดูแล้วเหมือนน้องหมีไหมครับหลังจากกิจกรรมพับผ้า ก็ต้องมากินของขึ้นชื่อของ Royal Caribbean กันหน่อย นั้นก็คือ Hotdog นั้นเอง ซึ่งอร่อยมาก ไม่ผิดหวังจริงๆ ฟรีด้วยคอนที่ต้องการเล่นน้ำ แช่อ่างจากุชชี้ โดยที่ไม่ต้องการเสียงเด็กรบกวน เรือลำนี้มีโซนที่ให้เข้าได้เฉพาะผู้ใหญ่ด้วย เพื่อให้เราได้พักผ่อน โดยที่จะไม่มีเสียงเด็กมารบกวน โซนนี้เรียกว่า Solariumช่วงบ่ายของวันนี้ทางเรือจะมีประกาศให้ไปรับ Passport ตามจุดที่กำหนด จะมีเอกสารแจ้งเรืองสถานที่รับ Passport คืนและเวลาที่ให้เราไปรับนำมาแจ้งไว้ที่ห้องครับมื้อเย็นที่ห้อง Main Dining มื้อนี้จะเป็นคืนสุดท้ายบนเรือลำนี้ ที่ห้องอาหารนี้ก็มีการแสดงของพนักงานเพื่อขอบคุณแขกทุกท่านเหมือนกัน นี้แหละ สีสันของการใช้ชีวิตบนเรือสำราญการแสดงในคืนสุดท้ายนี้จะเป็นการแสดง โชว์ที่ชื่อว่า THE EFFECTORS ตอนที่เห็นตอนแรก มีแค่รูปการ์ตูน พอถึงเวลาแสดง สนุกมาก อยากให้ได้ไปดูกันนะ ถือเป็นโชว์ที่ดีมากเลยมื้อดึก ณ ห้อง พิซซ่าเย็นวันนี้จะมีเอกสารแจ้งเรืองเวลาการลงจากเรือมาวางไว้ที่ห้องพร้อมแทคติดกระเป๋า หากเราไม่ต้องการลากกระเป๋าลงไปเองจะต้องเก็บกระเป๋าและติดแทค แล้วนำกระเป๋าไปวางให้หน้าห้องก่อน 23.00 น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาเก็บกระเป๋าไปครับ เราจะเจอกระเป๋าใบนี้อีกทีเมื่อผ่าน ตม. และไปจุดรับกระเป๋าครับวันที่สี่ เวลา 06.00 น. เรือเข้าเทียบท่าที่ Marina Bay Cruise Center เรายังสามารถเข้าไปใช้บริการอาหารเช้าที่ห้อง Main Dining ได้ตั้งแต่ 06.00 น. ถึง 08.00 น. มื้อเช้าในห้อง Main Dining นี้เมนูจะเป็นเมนูเดิม เราสามารถเลือกอาหารที่เรายังไม่ได้ลองกินได้ก่อนที่เราจะลงไปจากเรือครับ ขั้นตอนการเช็คเอ้านั้นไม่ยาก หากตอนเช็คอินเราใส่บัตรเครดิตไว้แล้ว ค่าใช้จ่ายจะถูกตัดจากบัตรเครดิตโดยอัตโนมัติเลยครับ แต่หากมีปัญหาก็จะไม่สามารถออกจากเรือได้ จะต้องไปที่ Reception เพื่อตรวจสอบก่อนนะครับ ก่อนลงจากเรือทุกๆคนจะต้องลงทะเบียน CIA ให้เรียบร้อยก่อนนะครับ เมื่อออกมาจากเรือ ถ้าหากตอนวันแรกเรามีฝากของที่ไม่สามารถเอาขึ้นเรือได้ไว้กับเจ้าหน้าที่ ให้มองหาโต๊ะรับฝากของก่อนนะครับ และนำใบรับของไปแลกของคืนก่อนที่จะเข้าตม (อย่าลืมเด็ดขาดนะครับ)สำหรับคนไทยสามารถใช้เครื่องอัตโนมัติได้เลย เมื่อผ่านมา ตม.มาแล้ว ลงบันไดเลื่อมาจะเจอจุดรับกระเป๋า ในแทคติดกระเป๋าของเราจะมีหมายเลขอยู่ ให้มองหาหมายเลขนั้นและไปรับกระเป๋าของเราครับก่อนออกจากท่าเรือจำต้องนำกระเป๋าไปแสกนตรงจุดตรวจศุลกากรก่อนนะครับหากต้องการเที่ยวสิงคโปร์ต่อ เราสามารถลากกระเป๋าไปขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดงได้ หรือจะรอที่ป้ายรถเมย์เพื่อนั่งรถเข้าเมือง หรือจะไปต่อคิวเรียกแทคซี่ได้ คิวแทคซี่จะยาวหน่อยนะครับสรุปความคิดเห็นและความประทับใจที่มีต่อเรือ Spectrum of The Seas เรือลำใหญ่ที่สุดที่ล่องใน Asia ตอนนี้1. การจัดการเป็นระบบ ใช้แอฟเพื่อจัดการจองคิวต่างๆ สะดวก (จำเป็นต้องซื้ออินเตอร์เน็ต เพื่อจะได้ใช้แอฟได้เต็มประสิทธิภาพ หากไม่ได้ซื้อเน็ตของเรือจะทำได้เพียงดูตารางกิจกรรมในแต่ละวันเท่านั้น)2. มีกิจกรรมให้เล่นและทำมากมาย เหมาะกับกรุ๊ปที่มาเป็นครอบครัว3. อาหารที่รวมอยู่ในแพคเกจ มีให้เลือกมากมาย และมีหลายห้องให้เลือกรับประทาน หากมื้อเช้าไม่ได้กินอะไรมาก ไม่อยากรอคิว สามารถสั่งอาหารเช้ามาที่ห้องได้ แต่ถ้าต้องการอาหารเช้าแบบเยอะขึ้นมาหน่อยก็ชำระเงินเพิ่มครับ อาหารมีบริการตลอด นอกจากมื้อ เช้า กลางวัน และเย็นแล้ว ยังมีมื้อของว่างตอนสาย ตอนบ่าย และตอนดึกอีก4. ห้องพักกว้าง และจัดรูปแบบห้องออกมาได้ดี มีที่เก็บของเยอะ และห้องเก็บเสียงดีมาก5. การแสดงทำออกมาดีมากทุกการแสดงเลย โดยเฉพาะการแสดง The Silkroad ในห้อง Two706. พนักงานบนเรือให้บริการดีมากๆขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาชมรีวิวเรือ Spectrum of The Seas กันนะครับ หากข้อมูลตรงไหมผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยนะครับ

ข้อมูลท่องเที่ยวต่างประเทศ